บทที่ 7

คำพูดของเธอช่างตรงไปตรงมา

ไม่เหมือนเจียงฉู่ฉู่ที่พูดจาอ้อมค้อม

เจียงฉู่ฉู่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที: “ฉัน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”

เสิ่นอวิ๋นอู้ก็ขี้เกียจที่จะสนใจว่าเธอหมายความว่าอะไร

ก่อนจะกลับ กู้ตงเฉิงได้สั่งยาให้เธอ แล้วพูดกับเจียงฉู่ฉู่ว่า: “ถึงแม้ว่าเพื่อนของคุณจะไม่ชอบดื่มยา แต่ในสภาพแบบนี้ถ้าดื่มได้ก็ควรให้เธอดื่ม ผมสั่งยาสมุนไพรจีนให้ ไม่ทำร้ายร่างกายหรอก ดื่มสักสองสามซองก็หายละ”

“ค่ะ” เจียงฉู่ฉู่รับยาจีนมา

ทั้งสามคนออกจากคลินิก กลับไปยังบ้านตระกูลฉิน

บ้านตระกูลฉิน

พอประตูรถเปิด เสิ่นอวิ๋นอู้ก็ฝืนตัวเองให้ลงจากรถทั้งที่ยังรู้สึกแย่ ตอนนี้เธออยากจะกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่อรีบเข้านอนเท่านั้น

แต่พอก้าวลงจากรถ เธอก็เซจนเกือบล้มหน้าคะมำ โชคดีที่ฉินเย่ซึ่งลงจากรถมาด้วยกันยื่นมือออกไปคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน

เขาขมวดคิ้วมองเธอ: "ป่วยขนาดนี้แล้ว ยังดื้อไม่ยอมกินยาฉีดยาอีก เธอนี่มัน..."

เจียงฉู่ฉู่ที่เพิ่งลงจากรถตามมาเห็นมือทั้งคู่แตะกัน ก็รีบเดินเข้ามาประคองเสิ่นอวิ๋นอู้

“เย่ ฉันชวยเถอะ”

เจียงฉู่ฉู่ประคองเสิ่นอวิ๋นอู้เข้าบ้าน พอเห็นเหล่าสาวใช้ก็ยังทักทายพวกเธอ

เหล่าสาวใช้เมื่อเห็นเจียงฉู่ฉู่ ต่างก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจอย่างพร้อมเพรียง

พอเจียงฉู่ฉู่ส่งคนขึ้นไปชั้นบนแล้ว พวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะจับกลุ่มซุบซิบนินทากัน

“ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? เมื่อกี้นี้คือคุณเจียงเหรอ?”

“คุณเจียงคือใครเหรอ?”

สาวใช้ที่ทำงานในคฤหาสน์นี้มานานหน่อยจะรู้จักเจียงฉู่ฉู่ แต่บางคนที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้จัก

“เจียงฉู่ฉู่ไง คนที่คุณชายชอบน่ะสิ เธอนี่ไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

“คนที่คุณชายชอบเหรอ?” คนนั้นเบิกตากว้าง: “แต่คุณชายแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“การแต่งงานของพวกตระกูลใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เป็นการแต่งงานเพื่อธุรกิจ จะมีรักแท้ที่ไหนกันล่ะ?”

คนที่พูดอาศัยว่าตัวเองอยู่บ้านตระกูลฉินมานานกว่า พูดจาเป็นฉากๆ อย่างภาคภูมิใจ: “พวกเธอเพิ่งมาใหม่ไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันนี่แหละที่เคยเห็นมากับตา เจียงฉู่ฉู่คนนี้ไม่ใช่แค่คนที่คุณชายชอบ แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตคุณชายด้วยนะ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณชายก็รอเธอมาตลอดเลย”

“แล้วทำไมคุณชายถึงได้มาแต่งงานกับคุณหญิงในภายหลังล่ะคะ?”

“ก็เพราะคุณท่านผู้หญิงของตระกูลฉินป่วย อยากเห็นคุณชายเป็นฝั่งเป็นฝา คุณชายเลยไม่มีทางเลือก ถึงได้หาคนมาแต่งงานแทนยังไงล่ะ พอดีกับช่วงนั้นตระกูลเสิ่นล้มละลายพอดี เข้าใจหรือยัง?”

พูดจบ คนนั้นก็ยักคิ้วให้: “นี่เป็นความลับของตระกูลใหญ่นะ มีไม่กี่คนที่รู้ พวกเธออย่าเอาไปพูดต่อนะ”

“หา ฉันก็นึกว่าคุณชายกับคุณหญิงรักกันดี ที่แท้ก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเองเหรอ”

“จะเป็นของจริงได้ยังไงล่ะ? ก็แค่แสดงละครกันทั้งนั้นแหละ เธอนี่มันเด็กโง่จริงๆ...”

กลุ่มคนกำลังจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงกระแอมหนักๆ ดังขึ้น

ทุกคนหันกลับไป ถึงได้เห็นว่าพ่อบ้านมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขายืนมองพวกเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ไม่ต้องทำงานกันแล้วใช่ไหม?”

ทุกคนแตกฮือเหมือนนกแตกรัง

หลังจากพวกนั้นไปแล้ว พ่อบ้านก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว คิ้วเริ่มมีสีขาวแซม เขาขมวดคิ้ว

ที่แท้เจียงฉู่ฉู่คนนี้กลับมาแล้ว...

มิน่าล่ะ เขาถึงรู้สึกว่าคุณหญิงเมื่อคืนนี้ดูแปลกไป

เจียงฉู่ฉู่ประคองเสิ่นอวิ๋นอู้กลับมาที่ห้อง

“ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เจียงฉู่ฉู่ยิ้ม: “เธอรีบพักผ่อนเถอะ”

“อืม” เสิ่นอวิ๋นอู้ถอดรองเท้าแล้วล้มตัวลงนอน ก็เห็นฉินเย่ที่เดินตามหลังเข้ามาอย่างช้าๆ สายตาของเขากวาดมองเธออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่เจียงฉู่ฉู่

“ผมไปส่งเธอกลับนะ?”

ที่นี่คือบ้านตระกูลฉิน อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่นาน เจียงฉู่ฉู่จึงพยักหน้า

“ค่ะ”

ก่อนจะจากไป เจียงฉู่ฉู่มองไปรอบห้องอีกครั้ง ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นชุดสูทสั่งตัดของผู้ชายแขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อด้านนอก

สไตล์แบบนั้น มีเพียงฉินเย่เท่านั้นที่จะใส่

สีหน้าของเจียงฉู่ฉู่ซีดลงเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากแล้วเดินตามหลังฉินเย่ออกไปอย่างเงียบๆ

หลังจากที่ทุกคนไปแล้ว เสิ่นอวิ๋นอู้ก็ลืมตาขึ้น เธอมองเพดานสีขาวบริสุทธิ์ จมดิ่งสู่ความสับสน

เรื่องลูก... เธอควรจะทำอย่างไรดี?

การตั้งครรภ์ไม่เหมือนเรื่องอื่น

อย่างเช่นเรื่องที่เธอชอบเขา เธอสามารถซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ได้อย่างดี หนึ่งปี สองปี หรือแม้แต่สิบปีก็ไม่มีปัญหา

แต่การตั้งครรภ์ล่ะ?

เมื่อถึงเดือนท้องก็จะโตขึ้น เธอซ่อนมันไว้ไม่ได้เลย

ยิ่งคิด เสิ่นอวิ๋นอู้ก็ยิ่งเวียนหัวมากขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ จมลงสู่ห้วงนิทราอันยาวนาน

ในความฝัน

เสิ่นอวิ๋นอู้รู้สึกเหมือนปกเสื้อของเธอถูกใครบางคนปลดออก จากนั้นก็มีวัตถุเย็นๆ บางอย่างมาสัมผัสบนร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอที่ร้อนผ่าวกลับรู้สึกสบายขึ้นมา เธอครางออกมาอย่างผ่อนคลาย และใช้แขนขาทั้งสี่เกาะก่ายแขนของคนคนนั้นโดยไม่รู้ตัว

จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงครางทุ้มในลำคอและเสียงหอบหายใจอย่างหนัก ท้ายทอยของเธอถูกบีบอย่างรุนแรงทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากถูกปิดทับด้วยความชุ่มชื้น

มีบางสิ่งรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของเธอ

เสิ่นอวิ๋นอู้ขมวดคิ้วสวย กัดสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้ ทันใดนั้นรสชาติคาวเลือดก็แผ่ซ่านไปทั่วปากพร้อมกับเสียงสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวดของผู้ชาย

หลังจากนั้นเธอก็ถูกผลักออก แก้มถูกบีบอย่างแรง แว่วเสียงคนคนนั้นพูดว่า: ตามใจเธอจนเคยตัวเลยสินะ ถึงกับกัดกันเลยเหรอ?

เธอเจ็บ จึงพึมพำพร้อมกับปัดมือของคนนั้นออกไป แล้วก็จมสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว

สาวใช้เฝ้าอยู่ข้างๆ พอเห็นเธอตื่นก็ดีใจรีบเดินเข้ามา

“คุณหญิง ตื่นแล้วเหรอคะ”

สาวใช้เข้ามาช่วยพยุงเธอลุกขึ้น เอามือแตะหน้าผากของเธอ “ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดคุณหญิงก็ไข้ลดแล้วค่ะ”

เสิ่นอวิ๋นอู้มองสาวใช้ตรงหน้า พลางนึกถึงความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ จึงเอ่ยถาม: “เธอคอยดูแลฉันอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ?”

สาวใช้พยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แสงแห่งความคาดหวังในดวงตาของเสิ่นอวิ๋นอู้ก็มลายหายไป

เธอหลุบตาลง

ความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ เหล่านั้นทำให้เธอคิดไปว่า คนที่คอยดูแลเธอมาตลอดคือฉินเย่

ที่แท้ไม่ใช่

ขณะที่เสิ่นอวิ๋นอู้กำลังครุ่นคิด ก็เห็นสาวใช้คนนั้นยกชามยาเข้ามา

“คุณหญิง ตื่นพอดีเลยค่ะ ยานี่ก็ยังอุ่นๆ อยู่ ได้เวลาดื่มยาแล้วค่ะ”

กลิ่นยาจีนที่เข้มข้นและฉุนกึกโชยมาปะทะจมูก ทำให้เสิ่นอวิ๋นอู้ขมวดคิ้วสวยและเบือนหน้าหนีโดยสัญชาตญาณ

“คุณหญิง รีบดื่มตอนร้อนๆ นะคะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”

เมื่อเห็นเธอถอยหลัง สาวใช้ก็ยิ่งยื่นชามยาเข้ามาใกล้

เสิ่นอวิ๋นอู้ถอยหลังไปอีก พลางเบือนหน้าหนี: “...เธวางไว้ตรงนั้นก่อน เดี๋ยวฉันดื่มเอง”

“แต่ว่า...”

“ฉันหิวนิดหน่อย เธอช่วยลงไปหาอะไรมาให้ฉันกินหน่อยได้ไหม? ไม่ต้องห่วง พอเธอเอาของกินมาให้ ฉันก็ดื่มยานี่หมดแล้ว”

เธอหลับไปนานมาก ตอนนี้ก็รู้สึกหิวจริงๆ

สาวใช้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า

“ได้ค่ะ งั้นดิฉันลงไปเอาของกินมาให้คุณหญิงนะคะ คุณหญิงอย่าลืมดื่มยานะคะ”

“อืม...”

ในที่สุดเมื่อรอจนสาวใช้ออกไปแล้ว เสิ่นอวิ๋นอู้ก็เลิกผ้าห่มลุกขึ้น ถือชามยาจีนดำๆ ขมๆ นั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเทมันลงไป

เฝ้ามองยาในชามถูกกดลงชักโครกจนหายไป ไม่เหลือร่องรอยใดๆ

แบบนี้ ก็คงไม่มีใครมาคอยตอแยให้เธอดื่มยาอีกแล้วสินะ?

ในที่สุดเสิ่นอวิ๋นอู้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เธอถือชามยาลุกขึ้นยืน แต่ขณะที่หันกลับมาก็พบว่าฉินเย่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขากำลังยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำ ดวงตาดุจดาวที่คมกริบคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์

“เธอทำอะไร?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป